พิธีบายศรีของภาคต่างๆ มีอะไรบ้าง แต่ละภาคเขาทำพิธียังไง แบบไหน
บายศรีสู่ขวัญภาคอิสาน
บายศรีขนาดใหญ่จัดประดิษฐ์ใส่ในภาชนะขนาดใหญ่
เช่นโตกโดยซ้อนเรียงกัน 3 ชั้น ใช้ในพิธีสู่ขวัญของชาวอิสานประกอบด้วย
ตัวบายศรีชั้นละ 6 ตัว แต่ละชั้นจะลดหลั่นกันพองาม ชั้นบนมีพุ่มยอดบายศรี
- บายศรีสู่ขวัญภาคเหนือ
- บายศรีชั้นเดียวขนาดใหญ่ จัดประดิษฐ์ในขันน้ำพานรอง
- ใช้ในพิธีสู่ขวัญของชาวภาคเหนือประกอบด้วย ตัวบายศรี 6 ตัว
และดอกไม้ใบไม้มงคลสีสันสดใส
พิธีบวงสรวงสักการะตอนเช้า
บายศรีปากชาม
บายศรีขนาดเล็ก ใช้ในงานพิธีบวงสรวง สังเวย และอาจใช้ตั้งเป็น
ส่วน ประกอบบนชั้นยอดของบายศรีใหญ่ประ กอบด้วยตัวแมงดา
กรวยใส่ข้าว กล้วยน้ำว้าผ่าสามเส้าและไข่ต้มบนยอดกรวยบวงสรวง
บายศรีตอ
บายศรีชั้นเดียว ใช้ในงานพิธีบวงสรวง สังเวย บูชาครูช่างแขนงต่างๆ
ประกอบด้วย หยวกกล้วยสำหรับทำบายศรี ตัวบายศรี แมงดา เข็มขัด
กรวยข้าว ไข่ต้มและกล้วยน้ำว้า
บายศรีสู่ขวัญกำแพงเพชร
บายศรีขนาดใหญ่ จัดประดิษฐ์ในภาชนะเครื่องปั้นดินเผาใช้ในพิธี
สู่ขวัญ สมโภช และบูชาพระบรมธาตุ ประกอบด้วยตัวบายศรี
และกำแพงแก้วทุกชั้น ดอกไม้ใบไม้มงคล
บายศรีสู่ขวัญบางกอก
บายศรีขนาดใหญ่ จัดประดิษฐ์ในภาชนะรูปพานซ้อนกัน 5 ชั้น
ใช้ในพิธีสู่ขวัญ สมโภชของชาวภาคกลาง ประกอบด้วยตัวบายศรี
ชั้นละ 5 ตัว แต่ละชั้นลดหลั่นกันมีพุ่มกรวยยอดบายศรี
ตกแต่งด้วยดอกดาวเรือง บางทีเรียกว่าบายศรีดาวเรือง
บายศรีเทพ
บายศรีชั้นเดียวขนาดใหญ่ทรงพุ่ม ใช้ในพระราชพิธีต่างๆ และพิธี
ของราษฎร สำหรับเป็นเครื่องบวงสรวง สังเวยบูชาเทวาอารักษ์
ซึ่งประกอบไปด้วยตัวบายศรีเป็นทรงพุ่ม และดอกไม้ที่มีชื่อเป็นมงคล
บายศรีพรหม
บายศรีชั้นเดียวขนาดใหญ่ ใช้ในพระราชพิธีต่างและพิธีของ
ราษฎร สำหรับเป็นเครื่องสังเวยบูชาครูบาอาจารย์ชั้นพรหม
ประกอบด้วยตัวบายศรีชั้นขึ้น 4 ตัว ลง 4 ตัว
มีกรวยใส่ข้าวและดอกไม้มงคล
บายศรีต้น 3 ชั้น
ใช้เป็นเครื่องสมโภช สังเวยในพิธีมงคลต่างๆ หรือสู่ขวัญ
ในพิธีสมรสของชั้นหลานเจ้านายฝ่ายเหนือใช้ใบตองพับเป็นกลีบหน้า
นาคตัดกับต้นกล้วยเป็น 3 ชั้น คาดเข็มขัดมาลัยแบน ตกแต่งด้วยดอกไม้สด
บายศรีต้น 5 ชั้น
ใช้ในพิธีต่าง ๆ สำหรับเจ้านายที่ทรงกรมหรือเสนาบดี
บายศรีต้นนี้เป็นบายศรีที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บายศรีตอง-รองทองขาว
ซึ่งแต่ละชั้นของบายศรีจะบรรจุด้วยขนมหวานหรือดอกไม้ที่มีชื่อเป็นมงคล
บายศรีต้น 7 ชั้น
ใช้สำหรับเจ้านายชั้นเจ้าฟ้า และพระราชอาคันตุกะชั้นประธานาธิบดี
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า บายศรีต้นกลีบหน้านาคแต่ละชั้นจะประดับด้วย
ดอกบัวใช้ในพิธีสมโภชพระพุทธรูป
บายศรีต้น 9 ชั้น
ใช้ สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
ในพิธีหรือพระราชพิธีที่เป็นมงคลต่างๆในภาพเป็นบายศรีกลีบบัวหลวง
ตกแต่งด้วยอุบะ ดอกจำปา ฐานเป็นฟักทองแกะสลัก
ธรรมจักร บังลังพระพุทธเจ้า
พานผู้ใหญ่ พานขมา ขันหมาก อื่นๆ
บายศรี พรหม
บายศรีเทพ
บายศรี พิฆเนศวร
พรหม เทพ นารายณ์
นารายณ์ เปิดโลก สุริยันต์ จันทรา
นารายณ์ เปิดโลก สุริยันต์ จันทรา
บังลังก์ องค์เทพ เทวา ต่างๆ
กุมกันณ์
พานบารมี ชุดเล็ก
บายศรี ปากชาม
หลัก สาม
บังลังก์เทียน
พิธีบายศรีสู่ขวัญ บางครั้งก็เรียกว่า พิธีบายศรี, พิธีสู่ขวัญ, พิธีทำขวัญ, พิธีรับขวัญ เป็นประเพณีอย่างหนึ่งของคนไทย และคนลาว ด้วยความเชื่อที่ว่า ทุกคนเกิดมาพร้อมกับสิ่งนามธรรมอย่างหนึ่งที่เรียกกันว่า “ขวัญ” ซึ่งมีหน้าที่รักษาประคับประคองชีวิตและติดตามเจ้าของไปทุกหนแห่ง การทำพิธีสู่ขวัญจึงเป็นการเชิญขวัญที่หนีหายไปให้เข้ามาอยู่กับตัว และเชื่อว่าเป็นการส่งเสริมพลังใจให้เข้มแข็ง มีสติและไม่ประมาท
ประเพณีบายศรีสู่ขวัญใช้เครื่องเชิญขวัญที่เรียกว่า บายศรี ทำด้วยใบตอง รูปคล้ายกระทง เป็นชั้น ๆ มีขนาดใหญ่เล็กสอบขึ้นไปตามลำดับ เป็น 3 ชั้น 5 ชั้น 7 ชั้น หรือ 9 ชั้น มีเสาปักตรงกลางเป็นแกน มีเครื่องสังเวยวางอยู่ในบายศรี และมีไข่ขวัญ (ไข่ต้ม) เสียบอยู่บนยอดบายศรี มีหลายประเภท เช่น บายศรีตอง บายศรีปากชาม บายศรีใหญ่ (ภาษาเขมร บาย = ข้าว + ศรี = สิริ หมายความว่า ข้าวอันเป็นสิริหรือข้าวขวัญ) ] มีการพันสายสิญจน์ไว้โดยรอบเพื่อใช้ผูกข้อมือผู้รับขวัญ ผู้นำทำพิธีเรียกว่า หมอขวัญ
บายศรีปากชาม
ประกอบด้วย
๑) แม่ ๙ นิ้ว ลูก ๗ นิ้ว หรือ ๕ นิ้ว
๒) แม่ ๗ นิ้ว ลูก ๕ นิ้ว
๓) แม่ ๕ นิ้ว ลูก ๓ นิ้ว
๔) แม่ ๙ นิ้ว ๗ นิ้ว หรือ ๕ นิ้ว ลูกเป็นแมงดา แมงดาคือ ส่วนที่อยู่ระหว่างองค์บายศรี มีลักษณะคล้ายตัวแมงดา แมงดารูปแบบโบราณจะใช้วิธีการตัดใบตองเป็นรูปลักษณะคล้ายตัวแมงดา อาจฉลุลายได้ตามต้องการ ปัจจุบัน ตัวแมงดาได้มีการดัดแปลงให้มีความงดงามมากขึ้น เป็นรูปแบบที่ประณีต โดยการพับใบตองนำมาเย็บติดกับแบบแมงดา หรืออาจนำดอกไม้มาเย็บติดกับแบบแมงดา เพื่อให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น
๕) กรวยบายศรี สำหรับใส่ข้าว ภายในกรวยให้ใส่ข้าวปากหม้อที่หุงสุก (ข้าวที่หุงเสร็จใหม่ๆ ยังไม่ได้ตัก) รอให้ข้าวเย็น แล้วจึงตักข้าวให้เต็มกรวย และอัดให้แน่น เรียกว่า หัวบิณฑ์ มีความหมายแทนข้าวสวย พร้อมทั้งใส่กล้วยน้ำว้า ซึ่งมีความหมายแทนกล้วยน้ำไทที่หายาก และยังแทนผลไม้ต่างๆ นอกจากนี้ ใส่แตงกวาซึ่งมีความหมายแทนผักสดต่างๆ ชามละ ๑ ลูก โดยตัดหัวตัดท้ายของกล้วยน้ำว้าและแตงกวาออก และผ่าออกเป็น ๓ ส่วนตามความยาวเท่าๆ กัน จากนั้นนำกล้วยน้ำว้า และแตงกวา มาประกบกัน แล้วนำไปใส่สับหว่างระหว่างองค์บายศรี
๖) ดอกไม้ที่ใช้ในการตกแต่งบายศรี ส่วนใหญ่จะใช้ดอกดาวเรืองนำมาตกแต่งให้สวยงาม เพราะดาวเรืองมีความหมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง หรือใช้ดอกไม้มงคล ส่วนยอดกรวยจะประดับด้วยดอกดาวเรืองและดอกบัว ดอกบัวที่ยอดกรวยตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ห้ามพับเด็ดขาด และต้องใช้ดอกบัวตูม แต่ถ้านำไปใช้ในพิธีกรรม ที่มีการถวายของคาว จะต้องเปลี่ยนจากดอกบัวเป็นไข่ต้ม ซึ่งมีความหมายแทนอาหารคาว
๗) ภาชนะที่ใช้ในการใส่บายศรีปากชาม เดิมจะใส่ชาม ปัจจุบันนิยมวางบนพาน
บายศรีพญานาคเชียงราย