บริการรถบรรทุก 4ล้อ 6ล้อ 10ล้อ
รถบรรทุกรับจ้าง ขนของ ขนสินค้า ขนย้ายบ้าน
รับขนย้ายรถบด แม็คโคร รถไถ
รถเทเลอร์โรเบส
รับย้ายรถขุด รถตัก รถดั้ม สิบล้อ
รับย้ายรถแทรคเตอร์
รับย้ายรถแบคโฮ ย้ายรถแม็คโคร
บริการขนย้ายเครื่องจักร รถโฟล์คลิฟ เครื่องจักรมือสอง
เทรลเลอร์พื้นเลียบโรเบท
ติดต่อสอบถาม
5 วิธีดูแลรถบรรทุกแบบมือโปร
สำหรับหลายคนแล้ว รถยนต์นับเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุด เมื่อซื้อแล้วก็ย่อมอยากให้อยู่กับเราไปนานๆ โดยเฉพาะรถใหญ่ที่เป็นเหมือนเครื่องมือทำมาหากินของเราไปแล้วอย่างรถบรรทุก ดังนั้นการดูแลรักษารถเพื่อไม่ให้เสียหายก่อนอายุการใช้งานจึงเป็นสิ่งที่เราควรทำ
สำหรับหลายคนแล้ว รถยนต์นับเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุด เมื่อซื้อแล้วก็ย่อมอยากให้อยู่กับเราไปนานๆ โดยเฉพาะรถใหญ่ที่เป็นเหมือนเครื่องมือทำมาหากินของเราไปแล้วอย่างรถบรรทุก ดังนั้นการดูแลรักษารถเพื่อไม่ให้เสียหายก่อนอายุการใช้งานจึงเป็นสิ่งที่เราควรทำ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเครื่องยนต์ รวมไปถึงภายนอก ตลอดจนวิธีการขับรถที่ถูกวิธีด้วยเช่นกันครับ และวันนี้เรามาลองดู 5 วิธีดูแลรถบรรทุกแบบมือโปรกันดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง
1) เช็คลมยางสม่ำเสมอ
รถบรรทุกคือยานพาหนะขนาดใหญ่ที่สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้มากกว่ารถยนต์ทั่วไป ฐานของตัวรถบรรทุกจึงควรได้รับการดูแลรักษามากกว่ารถยนต์ปกติ โดยเฉพาะยางรถบรรทุก ดังนั้นการตรวจเช็คลมยางเป็นการดูแลรถที่ง่ายที่สุด โดยสามารถทำได้โดยการสังเกตล้อยางก่อนการออกเดินทาง และเติมลมให้เรียบร้อยเมื่อมีโอกาส โดยลมยางที่เหมาะสมนั้นต้องคำนึงถึงน้ำหนักรถ น้ำหนักสิ่งของที่บรรทุก ความเร็วที่ใช้ และพื้นถนนที่เราต้องวิ่งผ่าน เราสามารถเติมลมยางได้ตั้งแต่ 85-100 psi ขึ้นอยู่กับขนาดยาง หากอยู่ที่ตำแหน่งพ่วงหรือล้อลากที่ต้องรับน้ำหนักการบรรทุกเยอะๆ ให้เพิ่มแรงดันเป็น 100-125 psi ตามขนาดยาง และยังสามารถเติมลมยางได้มากกว่า 130 psi ในยางขนาดใหญ่มากๆ นั่นเองครับ
2) เติมน้ำฉีดกระจกปัดน้ำฝน
หลายครั้งที่เรามักจะละเลยการเติมน้ำฉีดกระจกปัดน้ำฝน แต่ในยามที่เราต้องฉีดน้ำล้างกระจกกลับเป็นสิ่งที่เราทำบ่อยเช่นกัน ดังนั้นควรเปลี่ยนจากการละเลยมาเป็นการตรวจที่ปัดน้ำฝนและกระจกปัดน้ำฝนเดือนละครั้ง ซึ่งวิธีการเช็คไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่สังเกตสัญลักษณ์ที่ปัดน้ำฝนในห้องเครื่องรถบรรทุกเพื่อหาถังน้ำฉีดกระจก จากนั้นก็เติมน้ำสะอาดลงไปให้ถึงขีดที่กำหนด เพียงเท่านี้ น้ำสำหรับฉีดกระจกปัดน้ำฝนก็จะไม่ขาดเมื่อถึงยามที่เราต้องใช้งาน ถือเป็นอีกวิธีดูแลรถบรรทุกที่เราทำกันได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองเลยครับ
3) ตรวจหม้อน้ำ
อีกวิธีวิธีดูแลรถบรรทุกก็คือการตรวจสอบหม้อน้ำครับ ซึ่งต้องบอกว่าหม้อน้ำนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนมีรถที่ควรจะต้องหมั่นตรวจสอบอยู่เป็นประจำ ไม่เพียงแต่รถบรรทุกเท่านั้นนะครับ แม้แต่รถเล็กก็ควรที่จะต้องตรวจสอบเป็นประจำเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่าหม้อน้ำของรถอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ ซึ่งการตรวจวัดระดับน้ำในหม้อน้ำควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เราสามารถที่จะเติมน้ำสะอาดลงไปในหม้อน้ำจนถึงขีดที่กำหนดหากพบว่าระดับน้ำพร่องลง เพื่อช่วยให้ระบบระบายความร้อนภายในรถเป็นไปอย่างสมบูรณ์
4) เช็คลมยางอะไหล่
ยางอะไหล่รถเป็นอีกอุปกรณ์ที่เราต้องมีติดรถ
ไว้ตลอดเวลา และอีกวิธีการดูแลรถบรรทุกที่ต้องใช้งานอยู่แทบทุกวันนั้นก็คือเรื่องของการเช็คยางอะไหล่ที่ถูกเก็บไว้ภายในรถนั่นเองครับ เพราะยางอะไหล่นั้นจะถูกเก็บไว้เพื่อรอการใช้งาน เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้งานขึ้นมายางอะไหล่จะต้องพร้อมอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อวันเวลาผ่านไปลมที่อยู่ภายในยางอะไหล่จะถูกคายออกทีละน้อยตลอดเวลา เราจึงควรตรวจเช็คยางอะไหล่อย่างน้อยเดือนละครั้ง และเติมลมยางให้มากกว่าปกติไว้เล็กน้อยอยู่เสมอครับ แต่สำหรับยางอะไหล่ที่ถูกเก็บไว้เป็นระยะเวลาเกิน 5 ปีแล้ว ควรที่จะต้องตรวจสอบให้ดียิ่งขึ้น และไม่ควรนำมาใช้ในระยะทางไกลเกินคู่มือกำหนดครับ
5) เช็คน้ำมันเครื่อง
และวิธีสุดท้ายนี้ส่วนใหญ่แล้วเราจะได้รับการตรวจเช็คเมื่อต้องนำรถเข้าศูนย์บริการเท่านั้น ก็คือการเช็คน้ำมันเครื่องนั่นเองครับ แต่ใช่ว่าวิธีนี้เราจะไม่สามารถตรวจเช็คได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการที่เราสามารถตรวจเช็คได้ด้วยตัวเองนั้นควรทำทุกสองถึงสามสัปดาห์เพื่อเป็นการตรวจเช็คสภาพ และระดับปริมาณน้ำมันเครื่อง นอกจากนี้การเลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพดี และรักษาระดับน้ำมันเครื่องให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะสามารถดูแลรถได้แบบมือโปรนั่นเองครับ
จะเห็นได้ว่าการดูแลรถบรรทุกคู่ใจของเราให้มีสภาพดีและพร้อมใช้งานอยู่เสมอนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ และ วิธีดูแลรถบรรทุกที่เรานำมาบอกเล่าในวันนี้ก็เป็นวิธีดูแลรถบรรทุกแบบมือโปรที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ทั้งนี้นอกจากจะช่วยไม่ให้รถของเราเสื่อมสภาพเร็วกว่าอายุการใช้งานแล้ว ยังเป็นอีกวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทั้งต่อตัวเราและเพื่อนร่วมทางด้วยครับ
ใบขับขี่ประเภท 2
ใบอนุญาตขับขี่ถือว่าเป็นเอกสารที่มีความสำคัญมาก ๆ สำหรับคนที่ขับรถ ใบขับขี่แต่ละประเภทก็จะมีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะ ใบขับขี่ประเภท 2 ซึ่งเป็นใบขับขี่ชนิดที่เอาไว้ใช้สำหรับการขับรถทุกประเภท เช่น รถกระบะ รถเก๋ง แต่โดยส่วนมากแล้วคนจะนิยมทำ ใบขับขี่ชนิดที่ 2 เพื่อเอาไว้ใช้สำหรับการขับรถสาธารณะมากกว่า
ในบทความนี้เราจะลองไปดูกันค่ะ ว่าใบขับขี่ประเภท 2 คืออะไร ใบขับขี่ประเภท บ.2 และใบขับขี่ประเภท ท.2 นั้นแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงก็จะมาบอกเล่าด้วยว่าการทำใบขับขี่ประเภท 2 ใช้เอกสารอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
ใบขับขี่ประเภท 2 คืออะไร
สรุปแบบง่าย ๆ ใบขับขี่ประเภท 2 คือ ใบขับขี่ที่เอาไว้ใช้สำหรับการขับรถทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งส่วนบุคคล รถกระบะส่วนบุคคล หรือว่าการขับรถเพื่อการขนส่ง การบรรทุกเชิงพาณิชย์ ใบขับขี่รถยนต์ประเภท 2 ก็จะตอบโจทย์ครอบคลุมทั้งหมด
แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้ามีความจำเป็นขับแค่รถส่วนบุคคล ก็ไม่ควรทำใบขับขี่ประเภท 2 ค่ะ เพราะมันค่อนข้างจะกว้างไปนิดนึง ทางเจ้าหน้าที่ขนส่งจะแนะนำให้เราทำใบอนุญาตขับขี่แบบธรรมดาส่วนบุคคลแทนค่ะ
แต่ถ้าเพื่อน ๆ นั้นมีความจำเป็นต้องขับรถบรรทุกสินค้า หรือรถขนส่งเป็นประจำอยู่แล้ว การทำ ใบขับขี่สาธารณะประเภท 2 นั้นก็ยิ่งตอบโจทย์สุด ๆ ไปเลยแหละค่ะ
ใบขับขี่ประเภท 2 มีกี่ชนิด
1. ใบขับขี่ประเภท บ. 2 >>> เป็นใบขับขี่ประเภท 2 ที่เอาไว้ใช้สำหรับขับรถขนส่งบรรทุกประเภทส่วนบุคคล ไม่ใช่เพื่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์
2. ใบขับขี่ประเภท ท.2 >>> เป็นใบขับขี่ประเภท 2 ที่เอาไว้ใช้ขับรถขนส่ง หรือรถบรรทุกได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งแบบส่วนบุคคล หรือการขนส่งในเชิงพาณิชย์ก็ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น การขับรถขนส่งสินค้า
เอกสารทำใบขับขี่ประเภท 2 ใช้อะไรบ้าง
- บัตรประชาชน (ตัวจริง + สำเนา)
- เอกสารใบรับรองแพทย์ ขอไว้ไม่เกิน 1 เดือน
- ใบขับขี่ส่วนบุคคล
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เอกสารทำใบขับขี่ ท.2 และ บ.2 เรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็จะเป็นการทดสอบสมรรถภาพร่างกายนั่นเอง
ค่าธรรมเนียมต่อใบขับขี่ประเภท 2
สำหรับค่าธรรมเนียมในการทำใบขับขี่ประเภท 2 ราคา อยู่ที่ 200 บาท
ในการทำ ใบขับขี่ประเภท 2 เราสามารถทำเรื่องได้เลยที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ ที่สำคัญคืออย่าลืมเตรียมเอกสารทำใบขับขี่ประเภท 2 ให้ครบถ้วนด้วย ถ้าต้องการขับรถส่วนบุคคลอย่างเดียวก็ขอแนะนำให้ทำใบขับขี่ส่วนบุคคลทั่วไปจะดีกว่า แต่ถ้ามีความเป็นต้องขับรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ การทำใบขับขี่ประเภท 2 ติดตัวเอาไว้ก็จะเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ เช่นกันค่ะ
หน้าที่เข้าชม | 58,441 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 47,703 ครั้ง |
เปิดร้าน | 1 พ.ย. 2562 |
ร้านค้าอัพเดท | 18 ต.ค. 2568 |